ซีอีโอแบงก์กรุงไทย ดัน 7 ยุทธศาสตร์ โรดแมป 5 ปี ลุย Virtual Bank ชะลอแผนปิดสาขา

ซีอีโอแบงก์กรุงไทย ดัน 7 ยุทธศาสตร์ โรดแมป 5 ปี ลุย Virtual Bank ชะลอแผนปิดสาขา

ธุรกิจ

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน CEO Vision : Business Strategy 2023 ที่ประเทศเอสโตเนีย ระหว่างนำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานด้าน e-Governance และเทคโนโลยีดิจิทัลภาครัฐ และเอกชนของเอสโตเนีย นายผยง กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีผู้ใช้งานในระบบโอเพ่นแพลตฟอร์ม 40 ล้านคน ส่วนระบบปิดมี 16 ล้านคน ส่วนที่จะต้องดูแลอย่างระมัดระวัง คือ การเร่งลงทุนด้านไอทีดิจิทัลซึ่งมีต้นทุน (cost) สูงขึ้น แม้การลงทุนเรื่องนี้เป็น asset แต่จะต้องวางสัดส่วนการลงทุนให้สอดประสานสมดุลกับการเติบโตของรายได้ ดังนั้นต้องไม่ให้ cost แซงรายได้ ซึ่งจะเห็นว่าเป็นความเสี่ยงบางธนาคารตอนนี้

แม้ธนาคารกรุงไทยจะมีการตั้งสำรองหนี้เสียสูงถึง 170% แต่พายุดิสรัปชั่นยังคงต่อเนื่อง เพราะความเสี่ยงในปี 2023 มีทั้งเรื่อง Geopolitics โลกแบ่งเป็นสองขั้วระหว่างจีนกับตะวันตก ทำให้ซัพพลายเชนถูกแบ่ง และเทคโนโลยีก็มี 2 รูปแบบ ทำให้ไทยต้องวางสมดุลเรื่องนี้

“นอกจากนี้ยังมีเรื่อง Generation Shift ที่เราต้องเปลี่ยนผ่านให้ได้ เราเห็นคนรุ่นใหม่เริ่มสร้างการผันแปรทางการเมืองค่อนข้างมาก แต่การตอบโจทย์ในแง่ธุรกิจ เรามองถึงการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ ไปจนถึงคุณภาพสินเชื่อที่เขาต้องการในการสร้างครอบครัวของเจนฯ ใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป

“อื่น ๆ ยังเป็นความเสี่ยงเรื่องอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจยุโรปผันผวน ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้มีผลทั้งสิ้นต่อระบบธนาคารพาณิชย์ ในเรื่องโครงร้างหนี้ การเยียวยาลูกหนี้ที่ประสบปัญหาจากภัยธรรมชาติ และปัญหาทางเศรษฐกิจอื่น ๆ”

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  เอเชียซอฟท์ฯ เปิดกลยุทธ์ธุรกิจครั้งใหญ่ ทรานส์ฟอร์มบริษัทสู่ Digital Technology

เอเชียซอฟท์ฯ เปิดกลยุทธ์ธุรกิจครั้งใหญ่ ทรานส์ฟอร์มบริษัทสู่ Digital Technology

เอเชียซอฟท์ฯ เปิดกลยุทธ์ธุรกิจครั้งใหญ่ ทรานส์ฟอร์มบริษัทสู่ Digital Technology พร้อมประกาศ Rebranding รับการเติบโตครั้งใหม่

บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ Asiasoft Business Direction 2023 ภายใต้คอนเซ็ปต์ EXPAND THE HORIZONS ณ BitKub M Social ชั้น 8 อาคาร Helix (A) ดิ เอ็มควอเทียร์ ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์

คุณปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานกรรมการ บมจ. เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงภาพรวมของทิศทางการเติบโตทางธุรกิจของเอเชียซอฟท์ฯ ที่ได้เริ่มวางรากฐานตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ด้วยการปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเกมออนไลน์, กลุ่มธุรกิจ Blockchain & Innovation Technologies, กลุ่มธุรกิจสื่อและการตลาด และกลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน ซึ่งขณะนี้เอเชียซอฟท์ฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะก้าวเดินในเส้นทางธุรกิจที่มีความหลากหลายเพื่อมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน Digital Technology โดยในปี 2566 นี้ จะเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจากแผนกลยุทธ์ของแต่ละกลุ่มธุรกิจที่มาเปิดเผยข้อมูลในงานนี้

ธุรกิจ

เริ่มต้นจากกลุ่มธุรกิจเกมออนไลน์ โดย Mr. Quach Dong Quang ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ. เพลย์พาร์ค กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมเกมทั่วโลกในอนาคตที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตทั้งด้านรายได้และจำนวนผู้เล่น แม้ว่าในปี 2565 ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงประมาณร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งถือว่าเป็นการปรับฐานของอุตสาหกรรมหลังจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2 ปีก่อนหน้า สำหรับปี 2566 เพลย์พาร์คจะมีการปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตทางด้านรายได้ โดยกลยุทธ์การเลือกเกมยังคงเน้นเปิดให้บริการเกมแนว Role-Playing Game (RPG) ที่บริษัทฯ มีจุดแข็งและเป็นแนวเกมที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด และมีแผนจะเริ่มมองหาพันธมิตรบริษัทผู้พัฒนาเกมใหม่ ๆ จากภูมิภาคอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากเดิมที่อยู่ในโซนทวีปเอเชียทั้งหมด เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า รวมถึงมุ่งเน้นการบริหารช่องทางการชำระเงินเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย โดยขณะนี้ได้เซ็นสัญญาเกมใหม่เพื่อเตรียมเปิดในปี 2566 นี้ถึง 11 เกม นอกจากนี้ จะมีการนำเทคโนโลยี AI ด้านการตลาดและการวิเคราะห์ข้อมูลมาเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการเกมในลักษณะ Segmentation ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการทำแคมเปญทางการตลาดและผลตอบแทนในการลงทุน (Return on Investment) ที่ดีขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้ยังได้เตรียมนำเทคโนโลยีบล็อคเชนเข้ามาประยุกต์ใช้ โดยจะมีการออก PlayPark NFT ซึ่งเป็นรูปแบบ Membership Privilege ที่จะมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกที่ถือครอง และการออก PlayPark Token เพื่อใช้ในการทำ CRM Program ที่ลูกค้าจะสามารถสะสม Token ที่ได้จากการเล่นเกม การใช้จ่าย รวมถึงการทำภารกิจต่าง ๆ และนำ Token มาใช้แลกรับสิทธิพิเศษ ของขวัญ ของรางวัล หรือร่วมกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ

คุณกิตติพงศ์ พฤกษอรุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ. คับเพลย์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้กล่าวถึงทิศทางของบริษัท คับเพลย์ฯ ในปี 2566 ว่า การพัฒนาแพลตฟอร์ม Astronize ซึ่งเป็น Hybrid Web 3.0 Game Platform รายแรกในภูมิภาคมีความคืบหน้าเป็นไปตามแผน โดยบริษัทฯ ได้ทำการแต่งตั้งที่ปรึกษา (ICO Portal) ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในช่วงการเตรียมเอกสารการยื่นขออนุญาตเสนอขาย Utility Token แก่สาธารณะ (ICO) เพื่อสำหรับใช้งานภายใต้ระบบนิเวศของ Astronize ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยคาดหวังว่าจะสามารถเสนอขาย ICO ได้ในไตรมาส 3-4 ปีนี้ พร้อมกับแผนการเปิดตัวเกมทันทีหลังจาก ICO จำนวน 2 เกมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ TS Multiverse ซึ่งเป็นเกมแนว SRPG ในรูปแบบ Free-to-Play & Earn ที่ถูกพัฒนาและปรับแต่งมาจากเกม TS Mobile สุดคลาสสิกที่เคยทำให้เอเชียซอฟท์ฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้วนับตั้งแต่ปี 2562 และเกม Clash of Thrones ซึ่งเป็นเกม NFT Idle RPG รูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากเกม Idle RPG ทั่วไป โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะมีผู้ใช้บริการบนแพลตฟอร์ม Astronize ทันทีหลังจากเปิดตัว 2 เกมไม่น้อยกว่า 500,000 คน และเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1 ล้านคนภายใน 1 ปีด้วยแผนการเปิดตัวเกมใหม่เพิ่มเติมทุกไตรมาส และตั้งเป้ารายได้แตะ 1 พันล้านบาทภายใน 3 ปีนับจากเปิดให้บริการ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ร้อยละ 67

คุณกิตติพงศ์ ได้กล่าวเสริมว่า จาก 2-3 ปีที่ผ่านมา โมเดลธุรกิจของ GameFi ได้ผ่านบทพิสูจน์มามากพอสมควร และรูปแบบที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จและมีความยั่งยืนที่สุดในปัจจุบันคือรูปแบบ Free-to-Play & Earn โดยเฉพาะการนำเอาเกม Traditional (Web 2.0) ที่มีคุณภาพสูงและความสนุกสนานมาผสานเข้ากับเทคโนโลยี Blockchain (Web 3.0) เพื่อนำมาให้บริการในรูปแบบ Hybrid เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานในการเล่นเกมอย่างแท้จริงคือความสนุก แต่ผู้เล่นสามารถได้ผลตอบแทนหรือ Earn จากการเล่นควบคู่ไปด้วยและสามารถแลกเปลี่ยนไอเทมในเกมกับผู้เล่นอื่น ๆ ได้อย่างสะดวกและปลอดภัยด้วยการแปลงเป็น NFT ซึ่งแตกต่างจากเกม Web 3.0 ที่เปิดให้บริการด้วยโมเดล Play-to-Earn ที่เน้นการลงทุนก่อนเข้าเล่น เพื่อหวังผลตอบแทนเป็นหลัก แต่คุณภาพของเกมยังไม่สามารถตอบโจทย์ด้านความสนุกที่แท้จริงได้ ซึ่งเชื่อว่าเกม Web 3.0 จะยังต้องอาศัยเวลาในการพัฒนาด้านคุณภาพให้เทียบเท่าเกมยุค Web 2.0 และค้นหาโมเดลทางธุรกิจที่เหมาะสมและยั่งยืนอย่างน้อยอีก 2-3 ปี

นอกจากนี้ คุณกิตติพงศ์ ยังได้แถลงต่ออีกว่า กลุ่มธุรกิจ Blockchain and Innovation Technologies ได้เตรียมก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Metaverse ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต โดยได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับพันธมิตรเพื่อเข้าลงทุนในโปรเจกต์ Big Bang Theory ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการ Metaverse as-a-service รายแรกของโลก เพื่อช่วยให้ลูกค้าองค์กรหรือแบรนด์สินค้าต่าง ๆ สามารถสร้าง Metaverse ของตนเองด้วย module สำเร็จรูปอย่างง่ายดายภายในเวลาเพียง 10 นาที และด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำในรูปแบบ pay per use อีกทั้งยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อฟังก์ชั่นทางธุรกิจมากกว่า 30 ฟังก์ชั่น อาทิ e-commerce, communication, virtual space, streaming, gamification หรือเชื่อมต่อกับโลก Web 3.0 เพื่อสร้าง Token หรือ NFT เป็นต้น ซึ่งแพลตฟอร์มได้เริ่มเปิดให้บริการ soft launch ไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ โดยคาดว่าจะเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาสนี้

นอกเหนือจาก 2 กลุ่มธุรกิจข้างต้น คุณปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานกรรมการ บมจ. เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ได้แถลงความคืบหน้าของกลุ่มธุรกิจสื่อและการตลาดว่า บริษัทฯ มีความสนใจในการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ MarTech โดยขณะนี้ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในบริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (Buzzebees) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้าน Customer Relationship Management (CRM) Platform ครบวงจรรายใหญ่อันดับหนึ่งในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคน และมีระบบนิเวศที่รองรับผู้ประกอบการทั้งในระดับองค์กรและผู้ค้าปลีก ซึ่งการลงทุนครั้งนี้นอกจากบริษัทฯ จะได้นำระบบ CRM มาใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาด ทำให้เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งแล้ว ยังช่วยให้บริษัทฯ มีรายได้ที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นจากหลากหลายธุรกิจ ในขณะเดียวกัน เอเชียซอฟท์ฯ สามารถช่วยให้บัซซี่บีส์ขยายธุรกิจสู่ตลาดในระดับภูมิภาค เนื่องจากเอเชียซอฟท์ฯ มีความเข้าใจตลาดและดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานกว่า 17 ปี

ทั้งนี้ เพื่อให้ชื่อและภาพลักษณ์ของบริษัทฯ สามารถสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ใหม่ในการขยายธุรกิจในอนาคต บริษัทฯ จึงเตรียมที่จะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการให้ความเห็นชอบเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Asphere Innovations Public Company Limited อันมีความหมายถึง Asiasoft (AS) ผนวกกับ Sphere อันหมายถึงทรงกลมหรือโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ดังนั้น Asphere จึงมีนัยสื่อถึง Asiasoft พร้อมแล้วที่จะก้าวออกจากภูมิภาคเอเชียและขยายขอบเขตธุรกิจที่จะสรรสร้างนวัตกรรมแห่งอนาคตสู่ตลาดระดับโลกภายใต้แนวคิด “Serving the Infinite Future”

สุดท้ายนี้ เชื่อมั่นว่า ด้วยวิสัยทัศน์และการปรับแผนกลยุทธ์ครั้งใหญ่นี้ จะสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ เดินหน้าได้อย่างมั่นคง และเติบโตอย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ : เปิดเทรนด์ “สตาร์ทอัพ” มาแรงปี 2023 – 2026 ธุรกิจแนวไหนตอบโจทย์คนยุคนี้ ?

เปิดเทรนด์ “สตาร์ทอัพ” มาแรงปี 2023 – 2026 ธุรกิจแนวไหนตอบโจทย์คนยุคนี้ ?

เปิดเทรนด์ “สตาร์ทอัพ” ที่มาแรงในปี 2023 และจะแรงต่อเนื่องไปถึงปี 2026 ผู้ประกอบการ หรือนักลงทุนที่กำลังมองหาธุรกิจที่เจาะทางเลือกใหม่ๆ ควรลงทุนกับสินค้า และบริการด้านไหนดี? เช็กเทรนด์ก่อนใครที่นี่

หลังยุคโควิดโลกธุรกิจก็กลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรายย่อย รายใหญ่ หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยหากคุณเป็นมือใหม่ที่อยากจะทำธุรกิจหรือลงทุนใน “สตาร์ทอัพ” และกำลังมองหาเทรนด์ธุรกิจมาแรงในช่วงนี้ แต่ก็ยังไม่เจอไอเดียที่โดนใจสักที

ธุรกิจ

ลองมาเช็กลิสต์การจัดอันดับ “เทรนด์สตาร์ทอัพ” ในต่างประเทศว่ามีสินค้า และบริการแบบไหนที่มาแรง เผื่อจะสามารถนำไปต่อยอดไอเดียได้หลากหลายมากขึ้น ดังนี้

1. ธุรกิจสตาร์ทอัพสินค้าไบโอเทค

สินค้า และบริการด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 414 พันล้านดอลลาร์ เช่น บริการทดสอบ DNA, อุปกรณ์ DNA Band (ตัวตรวจวัด DNA ที่สวมใส่กับข้อมือ) โดยเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันผ่านสมาร์ตโฟน ว่ากันว่ากลุ่มธุรกิจสินค้า และบริการประเภทนี้มีความต้องการพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2020

เนื่องจากผู้คนสมัยนี้ให้ความสนใจกับเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น และลึกขึ้นในระดับดีเอ็นเอ เพื่อหาคำตอบทางสุขภาพและที่มาของตนเอง เช่น การทดสอบเพื่อค้นหาบรรพบุรุษทางสายเลือด, ตรวจระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกาย, ทดสอบเพื่อหาว่าอาหารแบบไหนเหมาะกับคุณ, ค้นหากิจวัตรการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับคุณ, ค้นหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ ฯลฯ

2. นวัตกรรมดิจิทัลเจาะตลาดแอฟริกา

บางคนอาจไม่เคยรู้ว่าตลาดผู้บริโภคในทวีป “แอฟริกา” เป็นตลาดที่กำลังเติบโตต่อเนื่อง จึงมีนักลงทุนจากทั่วโลกหลายคนแห่ไปลงทุนในสตาร์ทอัพหรือธุรกิจรูปแบบอื่นๆ ในแอฟริกาจำนวนมาก และสร้างรายได้อย่างคุ้มค่า โดยธุรกิจสตาร์ทอัพที่น่าสนใจและเติบโตสูง ได้แก่ บริการเทคโนโลยีกระจายอาหาร และโครงสร้างพื้นฐาน, ฟินเทคที่ขับเคลื่อนด้วย AI, อีคอมเมิร์ซต่างๆ

ยกตัวอย่างเช่น Twiga Foods ธุรกิจด้านการกระจายอาหารในเคนยา ที่พบว่าตั้งแต่ปี 2018-2023 มีผู้บริโภคค้นหามากขึ้นถึง 228% นอกจากนี้ยังมีธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอื่นๆ ที่เติบโตในแอฟริกาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Jumo สตาร์ทอัพด้านฟินเทคที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังสร้างกระแสในแอฟริกาใต้ และบริษัทอีคอมเมิร์ซทั่วแอฟริกาอย่าง Jumia ก็ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน

3. สตาร์ทอัพเกี่ยวกับสินค้าที่รักษ์โลกและยั่งยืน

อีกหนึ่งธุรกิจสตาร์ทอัพที่ยังคงฮอตฮิตติดลมบนมาจนถึงปี 2023 และจะยังเติบโตต่อเนื่องก็คือ สินค้ารักษ์โลกและยั่งยืน เช่น เนื้อเทียมหรือเนื้อที่ผลิตจากพืชอย่างแบรนด์ Beyond Meat และแบรนด์อื่นๆ อีกหลากหลายแบรนด์ โดยพบว่าผู้บริโภคยุคนี้ค้นหาเกี่ยวกับสินค้า และบริการเกี่ยวกับเนื้อเทียม หรือสินค้ารักษ์โลกอื่นๆ เพิ่มขึ้นถึง 733% ภายใน 10 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งสื่อนอกอย่าง “บลูมเบิร์ก” ก็รายงานด้วยว่าปัจจุบันสตาร์ทอัพกลุ่มนี้มีมูลค่ามากถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์

4. โมเดลธุรกิจที่เคยสำเร็จแล้ว แต่นำไปเจาะฐานภูมิภาคอื่นๆ

พูดถึงธุรกิจสตาร์ทอัพที่เติบโตพุ่งแรงมาตั้งแต่ช่วงโควิด คงหนีไม่พ้น “ธุรกิจดิลิเวอรี” ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่า Grab, Uber, Grubhub และ DoorDash จะเป็นผู้ครองตลาดส่วนใหญ่ในหลายประเทศ แต่ก็ไม่ได้แปลว่านักลงทุนหน้าใหม่จะไม่มีโอกาสลงเล่นในสนามนี้ เพียงแค่ต้องหาพื้นที่ที่ยังต้องการบริการนี้ในแหล่งใหม่ๆ

ยกตัวอย่างเช่น Glovo สตาร์ทอัพดิลิเวอรีสัญชาติสเปน ก็สามารถเติบโตได้ไม่แพ้เจ้าใหญ่ๆ ข้างต้น โดยในยุคก่อตั้งเมื่อปี 2018 พวกเขาสามารถระดมทุนได้ถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ และเป็นบริการได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากปี 2018-2023 แอปฯ นี้ถูกค้นหาเพิ่มขึ้นถึง 252%

เริ่มแรกธุรกิจนี้ให้บริการในยุโรป แต่ปัจจุบันพวกเขากำลังขยายการดำเนินงานไปทั่วทั้งอเมริกาใต้และแอฟริกาเหนือด้วย อีกทั้ง Glovo มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงที่พวกเขาไม่เพียงแค่ส่งอาหารเท่านั้น แต่พร้อมส่งทุกอย่าง ทั้งอุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟน, อาหารสัตว์เลี้ยง, ดอกไม้, ขนมมาการอง ฯลฯ

5. แพลตฟอร์ม No Code / Low Code

สำหรับแพลตฟอร์ม No Code/Low Code หมายถึง บริการแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้าน Coding ก็สามารถสร้างเว็บไซต์หรือแอปฯ ด้วยตัวเองได้ โดยใช้อินเทอร์เฟซแบบลากและวาง แทนที่จะใช้ภาษาโปรแกรมและการเขียนโค้ดภาษายากๆ และซับซ้อน

โดยบริการเหล่านี้ที่กำลังมีอัตราเติบโตสูงและมีผู้ใช้งานค้นหาเป็นประจำ ได้แก่ Zapier, Webflow, Makerpad โดยมีการสำรวจพบว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2018-2023) บริการเหล่านี้ถูกค้นหามากถึง 428% และยังคงพุ่งสูงต่อเนื่อง

6. บริการ AgTech เกษตรไฮเทค

บริการเทคโนโลยีด้านการเกษตรยั่งยืนแบบองค์รวม (Regenerative Agriculture) เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยรักษาสภาพที่เป็นอยู่ของดินชั้นบนและระบบนิเวศวิทยาของฟาร์มให้ยังคงสภาพดี ลดการเสื่อมโทรมของหน้าดินที่มักจะเกิดขึ้นกับฟาร์มเกษตร

ถือเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้เกษตรกรยุคใหม่ให้ทำการเกษตรแบบยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นตรวจสภาพดินด้วยอุปกรณ์ IoT, ซอฟต์แวร์จัดการข้อมูลในฟาร์ม, Smart Tag ในฟาร์มวัว (เช่น บริษัท Antelliq) ฯลฯ ซึ่งเข้ามาตอบโจทย์เกษตรกรให้พัฒนาฟาร์มได้มาตรฐานมากขึ้นและยั่งยืนมากขึ้น

7. สินค้า/บริการที่ให้ลูกค้าออกแบบได้เองเฉพาะบุคคล

อีกหนึ่งเทรนด์ธุรกิจสตาร์ทอัพที่กำลังมาแรง คือ การนำเสนอสินค้าและบริการที่ดึงลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือก ออกแบบ และตัดสินใจจากความชอบเฉพาะบุคคล ที่เรียกว่า “โมเดลธุรกิจ DTC (Direct to Consumer)”

มีรายงานจาก Deloitte Consumer review ระบุว่า การนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการเฉพาะบุคคลสามารถเพิ่มยอดขายสินค้าได้ 10% หรือมากกว่านั้น แม้ว่าราคาของผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลจะสูงกว่าตัวเลือกมาตรฐานทั่วไปก็ตาม

ยกตัวอย่างเช่น บริการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ของ Nike “Nike By You” (เดิมชื่อ Nike ID) มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเลือกปกติ 30-50% แต่ก็นำไปสู่การซื้อซ้ำสำหรับช่างทำรองเท้าเพิ่มขึ้น

เช่นเดียวกับธุรกิจ “FitMyFoot” ซึ่งเป็นแบรนด์ขายพื้นรองเท้าและรองเท้าแตะที่ให้ลูกค้าออกแบบเอง และสั่งทำแผ่นพื้นรองเท้าตามขนาดเท้าได้ทุกขนาด โดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติเข้ามาช่วยในการออกแบบ

ขั้นตอนคือ ลูกค้าของ FitMyFoot จะใช้แอปฯ ร่วมกับปากกาและกระดาษเพื่อวาดและวัดขนาดเท้าของพวกเขา แล้วส่งข้อมูลเหล่านั้นเข้าไปในช่องสั่งซื้อสินค้าของทางแบรนด์ จากนั้นภายใน 2-3 สัปดาห์ พวกเขาจะได้รับพื้นรองเท้าด้านในหรือรองเท้าแตะที่ไม่เหมือนใครในโลก และด้วยการทำโมเดลธุรกิจนี้ทำให้แบรนด์ดังกล่าวมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในแต่ละปี เป็นต้น

อ่านมาถึงตรงนี้ เหล่านักลงทุนและผู้ประกอบการมือใหม่คงได้เห็นภาพคร่าวๆ กันแล้วว่า “เทรนด์ธุรกิจสตาร์ทอัพ” ที่กำลังมาแรงในปีนี้ และภายในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเป็นไปในทิศทางใดบ้าง โดยสามารถนำข้อมูลนี้ไปประกอบการคิดและตัดสินใจในการลงทุนกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่ตนเองสนใจได้ในอนาคต

ติดตามข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ : พาส่อง The Line เมืองแนวตั้งแห่งแรกของโลก ที่ซาอุดีอาระเบีย

พาส่อง The Line เมืองแนวตั้งแห่งแรกของโลก ที่ซาอุดีอาระเบีย

เราคงคิดว่านี่คือเมืองในอนาคตจากหนังแฟนตาซีสักเรื่องหนึ่ง แต่ว่าไม่ใช่ เพราะนี่คือภาพต้นแบบเมืองจริงๆ ที่มีชื่อว่า ‘The Line’ เมืองใหม่กลางทะเลทรายที่ซาอุดีอาระเบียที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงกลางปีนี้ และกำลังก่อสร้าง

ย้อนกลับไปเมื่อราวเดือนมกราคมปีที่แล้ว มกุฏราชกุมาร ‘โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน’ เจ้าชายแห่งซาอุฯ ทรงริเริ่มมีแนวคิดและวิสัยทัศน์ในการกำหนดการพัฒนาเมืองใหม่ ภายใต้คำถามที่ว่าเมืองในอนาคตควรมีหน้าตาอย่างไร

ข่าวธุรกิจล่าสุด

และนั่นก็นำมาสู่การออกแบบ The Line เมืองแนวตั้งแห่งเดียวในทะเลทราย โดยมีความยาว 170 กิโลเมตร และรองรับประชากรได้กว่า 9 ล้านคน

มาพร้อมคอนเซ็ปต์ การปฏิวัติทางอารยธรรมที่ให้ความสำคัญกับมนุษย์เป็นอันดับแรก โดยจะมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตให้กับผู้คน พร้อมๆ กับอนุรักษ์ธรรมชาติโดยรอบ

สำหรับ The Line มองภายนอกอาจเหมือนกำแพงที่มีเมืองอยู่ตรงกลาง โดยมาพร้อมกับความกว้าง 200 เมตร สูง 500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล รวมแล้วพื้นที่ประมาณ 34 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ใกล้กับทะเลแดง

รูปแบบของเมืองถือเป็นการออกแบบใหม่ คือจัดวางฟังก์ชั่นของเมืองในรูปแบบแนวตั้ง ให้ผู้คนสามารถเดินทางแบบ 3 มิติ (ขึ้น ลง หรือข้าม) ได้อย่างไร้รอยต่อ

ฟังก์ชั่นเหล่านี้เป็นแนวคิดที่เรียกว่า Zero Gravity Urbanism ซึ่งแตกต่างจากอาคารสูงทั่วไป เพราะแนวคิดนี้ซ้อนสวนสาธารณะ พื้นที่ทางเท้า โรงเรียน บ้าน และสถานที่ทำงานไว้ด้วยกันและอย่างที่บอกว่าเมืองนี้สร้างขึ้นมาโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ทำให้โครงสร้างพื้นฐานบางอย่างจะถูกลดลงไป เช่น ถนน

กล่าวคือ เมืองนี้ไม่มีถนน ไม่ใช้รถยนต์ ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% โดย 95% ของที่ดินก็สงวนไว้เพื่อธรรมชาติ จึงอาจเรียกได้ว่าเมืองนี้สร้างขึ้นเพื่อให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี มากกว่าการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน

แม้ไม่มีรถและถนน แต่เมืองนี้จะมีรถไฟความเร็วสูงไว้ให้บริการประชาชน โดยการวิ่งตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทางใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ก็สามารถเข้าถึงได้ใน 5 นาที

NEOM บริษัทที่ออกแบบระบุว่า การเดินทางที่ลดลงจะทำให้ผู้คนมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แถมยังไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถ เช่น ค่าประกันภัยรถยนต์ ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ ซึ่งก็จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีเงินเหลือเก็บมากกว่าเดิม

การออกแบบของ The Line ยังทำให้ผู้อยู่อาศัยเข้าถึงธรรมชาติได้ง่ายๆ ด้วยการเดินเพียงแค่ 2 นาที ก็จะออกมาเจอกับพื้นที่เปิดโล่งจำนวนมากที่แทรกอยู่ในชั้นต่างๆ ทำให้ทุกคนได้เข้าถึงทัศนียภาพอันบริสุทธิ์ของภูมิทัศน์ธรรมชาติ ภูเขา และท้องฟ้าโดยรอบได้อย่างเท่าเทียมกัน

การดำเนินงานของอุตสาหกรรมต่างๆ ภายในเมืองยังผสมผสานกับธรรมชาติและพื้นที่เปิดโล่ง ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ทำให้อากาศในเมืองบริสุทธิ์เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ที่พักอาศัย ทำงาน และท่องเที่ยวในเมือง

สภาพแวดล้อมของ The Line ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เกิดความสมดุลของแสงแดด ร่มเงา และการระบายอากาศตามธรรมชาติ เรียกได้ว่ามีสภาพอากาศแบบในอุดมคติตลอดทั้งปี

NEOM บอกว่า โครงการแนวตั้งนี้จะสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับมนุษย์ รวมไปโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยคาดว่าจะเกิดการสร้างงานมากกว่า 380,000 ตำแหน่งภายในปี 2030 ข่าวธุรกิจแนะนำ>>> “อาเซียน เซรามิกส์ 2022” หนุนเพิ่มขีดแข่งขัน

เอเชีย เอ็กซิบิทชั่นฯ จัดงาน “อาเซียน เซรามิกส์ 2022” หนุนเพิ่มขีดแข่งขัน

MMI Asia ผนึก AES จัดงาน “อาเซียน เซรามิกส์ 2022” ที่เมืองทองธานี วันที่ 30 พ.ย.-2 ธ.ค.

สมาคมเซรามิกส์ไทย ชวนผู้ประกอบเข้าร่วมเพิ่มขีดแข่งขัน ค้นหาเครื่องมือ แนวคิดใหม่ ตลาดต่างประเทศ คาดมีผู้แสดงสินค้ามากกว่า 100 ราย ผู้เยี่ยมชม 3,000 รายจากทั่วโลกกว่า 30 ประเทศ

นางสาวปุณณภา อ่อนสาร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเชีย เอ็กซิบิทชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ AES (Asian Exhibition Services) ที่ปรึกษางานจัดแสดงสินค้า กล่าวว่า ได้เตรียมจัดงาน อาเซียน เซรามิกส์ 2022 (ASEAN Ceramics 2022) ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.- 2 ธ.ค. 2565 ที่อิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี

โดยได้ร่วมมือกับ MMI Asia ตัวแทนของ Messe München จากเยอรมนี ผู้จัดงาน “ceramitec” ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเซรามิกชั้นนำของโลก เพื่อนำ อาเซียน เซรามิกส์ ไปสู่ความเป็นเลิศระดับสากลในตลาดหลัก 2 แห่งของภูมิภาค ได้แก่ ไทยและเวียดนาม

ตัวอย่างธุรกิจ

ด้วยความเชี่ยวชาญและแนวโน้มการเติบโตของตลาดในอนาคต ทาง AES ผนวกกับเครื่องข่ายที่กระจายอยู่ทั่วโลกของ เมสเซ่ มิวนิค จึงทำให้เกิดเป็นความร่วมมือในการจัดงานครั้งนี้ ที่จะทำให้งาน “อาเซียน เซรามิกส์ 2022”  เป็นงานที่ได้เกิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้สัมผัสประสบการณ์ตรงกับสิ่งที่ผู้ประกอบการนำมาแสดงภายในงาน สำหรับอุตสาหกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“นิทรรศการและการประชุมจะยังคงสลับไปมาระหว่างไทยและเวียดนามทุกปี ในช่วง 3 วัน มีผู้แสดงสินค้ามากกว่า 100 รายและผู้เยี่ยมชม 3,000 รายจากทั่วโลก จากเกือบ 30 ประเทศ อันดับต้นๆ ได้แก่ อินเดีย เวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ผู้เข้าชมต่างประเทศ 5 อันดับแรก คือ อาเซียน 82.4% เอเชีย 10.2% ยุโรป 4.0 % และ อื่นๆ 1.6%”

การร่วมงานนิทรรศการในครั้งนี้ แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี ตั้งแต่เซรามิก ดั้งเดิมไปจนถึงเซรามิกขั้นสูง ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์อวกาศ เครื่องมือแพทย์ ยุทโธปกรณ์

นับเป็นการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในอาเซียนสำหรับผู้เข้าร่วมทั่วโลก ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของ Messe München ผ่านเครือข่าย ceramitec (มิวนิค) และ Indian ceramics Asia และ Ceramics China ครอบคลุมตลาดใหญ่ทั่วโลก

สิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าได้นำมานำเสนอ มีตั้งแต่ การผลิตแบตเตอรี่เซรามิกขั้นสูง การพิมพ์ 3 มิติ ความทนทาน พลังงานสีเขียว การประหยัดพลังงาน การพิมพ์ดิจิทัล และการวิจัยและนวัตกรรม อีกทั้งโซลูชัน เทคโนโลยี และเครื่องจักรอันล้ำสมัยต่างๆ ที่นำมาจัดแสดงภายในงาน ได้แก่ ห้ากลยุทธ์การตลาดสายผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เช่น DigitalGlass และ KRYSTAL เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์เซรามิกทั่วโลกด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมโดย Younexa (Thailand) Co., Ltd., เทคโนโลยีการเคลือบประสิทธิภาพและโซลูชันการทำให้เป็นดิจิทัลโดย Ferro Performance Materials (Thailand) Co., Ltd/Vibrantz Technologies

ผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วในภาคอุตสาหกรรม เช่น วัสดุอลูมินาชนิดพิเศษและอะลูมิเนียมไตรไฮเดรตจาก Hindalco Industries Limited, การปรับปรุงกระบวนการผลิตวัตถุดิบ สุขภัณฑ์ และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารให้ทันสมัยและเหมาะสมที่สุด บุกเบิกโดย Source Runner Enterprise Co., Ltd./MCS Portugal, Younexa (Thailand) Co., Ltd: KRYSTAL น้ำยาขัดเงา โปร่งใส และป้องกันรอยขีดข่วน และเปลี่ยนเป็นพื้นผิวเอฟเฟกต์กระจกด้วยผิวสำเร็จคุณภาพสูง,Ferro Performance Materials (Thailand) Co., Ltd/ Vibrantz Technologies: โซลูชันการพิมพ์ดิจิทัล

ข่าวแนะนำ : ซีเนียร์คอม ส่งแพลตฟอร์มช่วยอนุมัติสินเชื่อรายย่อยได้เร็วขึ้น

ซีเนียร์คอม ส่งแพลตฟอร์มช่วยอนุมัติสินเชื่อรายย่อยได้เร็วขึ้น

ซีเนียร์คอมส่ง H-METER P-Loan แพลตฟอร์มช่วยอนุมัติสินเชื่อรายย่อย ดันผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลปล่อยเงินกู้ช่วยประชาชนได้เร็วขึ้น

นายสมเกียรติ อึงอารี ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ซีเนียร์คอม จำกัด กล่าวว่า หลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ได้เปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการจำนวนมากสามารถเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล หรือ P-Loan ได้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลรายใหม่จำนวนมากสู่ตลาด

ธุรกิจ ซีเนียร์คอมส่ง H-METER

ทั้งนี้ ซีเนียร์คอมเห็นโอกาสทางการตลาดในธุรกิจใหม่นี้ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ชื่อว่า H-METER P-Loan เป็นแพลตฟอร์มการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อรายย่อยแบบครบวงจร หรือ Instant Personal Loan Online Platform ที่มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธปท.เพื่อให้บริการกับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลในกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อ หรือกลุ่ม Unserved กลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการสินเชื่อ